ค่ายบางกุ้ง
ข้าพเจ้ามีความมุ่งหมายจะปลุกปัญญาของคนเมืองสมุทรสงครามให้ตื่นตัวในเรื่องประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองสมุทรสงคราม ที่เกือบทุกคนไม่รู้เรื่องอดีตกาล เมื่อ ๒๐๐ ปี ล่วงมาแล้ว จึงได้ทำการ ๓ อย่าง
๑. จัดการแสดงละครประวัติศาสตร์กลางแจ้ง เรื่องสงครามตีค่ายบางกุ้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๑ เมื่อคนจีนในเมืองแม่กลอง ได้รวมกำลังกันรักษาค่ายบางกุ้งไว้ ค่ายบางกุ้งคือ ค่ายทหารในสมัยพระเจ้าเอกทัต เมื่อกรุงแตก ค่ายทหารแห่งนี้ก็แตกร้างไป ครั้นแล้วคนจีนในเมืองแม่กลอง ได้เข้ารักษาค่ายบางกุ้งไว้เรียกว่าค่ายจีนบางกุ้ง ต่อมาทหารพม่า ๒,๐๐๐ คน ได้มาล้อมค่ายนี้ไว้ในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช จึงสั่งให้พระมหามนตรี (บุญมา) น้องชายหลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ (ทองด้วง) ยกทัพเรือมาตีค่ายบางกุ้งคืนด้วยเรือรบ (เรือแจว) ๒๐ ลำ ทหาร ๒,๐๐๐ คน โดยพระเจ้าตากสินมหาราชคุมพลมาข้างหลัง รุ่งเช้าเข้าตีพม่าที่ล้อมค่ายจีนบางกุ้ง ไล่ฆ่าฟันทหารพม่าตายไป ๑๕๐๐ คน ศพลอยในแม่น้ำแม่กลอง ที่เหลือแตกหนีกลับไป จึงจัดให้มีการแสดงละครกลางแจ้งเรื่องตีค่ายจีนบางกุ้ง โดยให้กำนันผู้ใหญ่บ้านแสดงเป็นทหารไทยให้คนจีนแต่งกายเป็นทหารจีน ละครกลางแจ้งเรื่องนี้เล่นกันจริงจังสนุกสนานมาก
๒. แต่งหนังสือเรื่องค่ายบางกุ้ง ออกเผยแพร่ ๑๐๐๐ เล่ม แสดงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ จำหน่ายเล่มละ ๑๐ บาท
๓. สร้างเหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง จำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ทำขึ้นพุทธาภิเษกที่อุโบสถวัดบางกุ้ง จำหน่ายเหรียญละ ๒๕ บาท เอาเงินมาสร้างค่ายลูกเสือบางกุ้งได้เงินหลายแสนบาท นิมนต์พระเกจิอาจารย์(พระอาจารย์ยอดเยี่ยม) มาจากหลายจังหวัด เป็นพิธีพุทธาภิเศกที่เลื่ืองลือชื่อกันมาในคราวน้ัน
ทั้ง ๓ เรื่องนี้ทำให้ชาวเมืองสมุทรสงครามตื่นเต้นกันมาก รู้ประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองย้อนหลังไป ๒๐๐ ปี นับว่า การจุดประกายทางปัญญาคราวนี้ได้ผลดีเกินคาดหมาย จนกระทั่งเกิดความอิจฉาริษาขึ้น เจ้านายไม่ชอบหน้า หาทางกลั่นแกล้งต่างๆ แต่น่าอัศจรรย์ที่ท่านที่กลั่นแกล้งข้าพเจ้าถูกย้ายออกจากเมืองสมุทรสงครามในเวลาต่อมาทั้ง ๓ ท่าน ส่วนข้าพเจ้าคงอยู่เมืองสมุทรสงครามต่อไป
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น