ชีวิตที่เร่ร่อนระหว่างเรียน
เมื่อเรียนอยู่ที่โรงเรียนประชาบาลวัดตาก้อง ใน พ.ศ. ๒๔๘๐ นั้น เรียนชั้น ป.๔ ครูเง็กเซ้ง แซ่อึ้ง เป็นครูประจำชั้น ข้าพเจ้าเป็นเด็กเรียนเก่ง ปลายปีไปสอบไล่รวมที่วัดพะเนียงแตก นายอารมณ์ รอบคอบ เป็นครูใหญ่ มีภรรยาชื่อครู กำมะหยี่ เป็นน้องสาวครูเกี่ยเม้ง แซ่ลิ้ม ปีน้ันข้าพเจ้าสอบได้คะแนนยอดเยี่ยมของสนามสอบ ๒ โรงเรียน ครูสมพงษ์ ภานุพินทุ ครูใหญ่โรงเรียนวัดตาก้อง จึงไปหาพ่อที่บ้านบอกพ่อว่า
"ลูกชายเรียนหนังสือเก่งสอบไล่ได้ที่ ๑ ของสนามสอบ ขอให้ส่งเรียนชั้นมัธยมเถิด..."
พ่ออนุญาต ครูสมพงษ์ ภานุพินทุ จึงรับเป็นธุระไปฝากเข้าเรียนโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย ซึ่งมีครูผล หงส์สูตร เป็นครูใหญ่ ข้าพเจ้าได้เรียนชั้นมัธยม สมัยนั้นไม่มีใครได้เรียนชั้นมัธยม มีอยู่ ๒ คน คือ นายจรูญ เก้าลิ้ม กับข้าพเจ้าเท่านั้น
พ่อจึงนำไปฝากเป็นลูกศิษย์หลวงพี่แก้ว สิงห์ตาก้อง วัดห้วยจระเข้ ได้อาศัยเป็นเด็กวัดกินข้าวก้นบาตรพระเรียนหนังสือต่อมา หลวงพี่แก้ว มีลูกศิษย์ ๓ คน คือ นายสำราญ รอดผล, นายวัน ชัยหา, กับข้าพเจ้า แต่หลวงพี่แก้วรักใคร่ข้าพเจ้ามากเป็นพิเศษ ตกกลางคืนจะเอาไปนอนเตียงเดียวกับท่าน พอตื่นจึงให้ออกมานอนข้างนอก ๑ คืน สลับกันไปจนตลอดปี ซื้อเสื้อ กางเกงให้ด้วย แต่สิ้นปีท่านก็ลาสึกออกไปแต่งงาน ข้าพเจ้าจึงหมดที่พึ่งอีก
พอขึ้นชั้น ม.๒ ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ พ่อจึงนำไปฝากบ้านคุณปู่ทองอยู่ ภูมิรัตน์ กับย่าเล็ก อาศัยบ้านท่านอยู่ คุณปู่ทองอยู่เป็นญาติฝ่ายเขยของพ่อ ท่านแต่งงานกับย่าทิม สุนทรศารทูล แต่ย่านั้นตายเสียแล้ว ท่านจึงได้ภรรยาใหม่ ชื่อ ย่าเล็ก ข้าพเจ้าจึงได้อาศัยบ้านท่านอยู่ ๑ ปี เมื่อเรียนชั้น ม. ๒
ต่อมาย่าเล็กมีหลานมาอยู่ด้วย ๒ คน ชื่อ นายประสงค์ กับหญิงชื่อประนอม ย่าจึงบอกให้ข้าพเจ้าหาที่อยู่ใหม่ ปู่จึงเอาข้าพเจ้าไปฝากบ้านลุงโกย ป้าถม กุยะเนตร เสมียนทนายของคุณปู่ แต่คุณลุงโกย ป้าถมเป็นคนยากจนหาเช้ากินค่ำ อยู่กับท่านในพ.ศ. ๒๔๘๓ ได้ ๑ เทอมท่านก็ขอให้ไปหาที่อยู่ใหม่ พ่อจึงเอาไปฝากหลวงตาปาน ทับสายทอง วัดห้วยจระเข้ เป็นศิษย์วัดห้วยจระเข้ หลวงตาปานเป็นอาของเสือผาด ทับสายทอง เสือใหญ่แห่งเมืองนครปฐม หลวงตาปานเคยเป็นทหาร ยศนายสิบโท ออกมาบวชเมื่อแก่ ท่านมีนิสัยดุร้าย ท่านเคยเตะพระตกกุฎิมาแล้ว ท่านจึงมักจะดุด่าข้าพเจ้าแรงๆ ข้าพเจ้าจึงหนึท่านไปอาศัยกับหลวงตาบุญ ไปหาท่านเองบอกกับท่านว่า "หลวงตาผมมาขออาศัยอยู่ด้วย" ท่านก็รับไว้เป็นลูกศิษย์ ท่านรักใคร่เมตตามาก จึงให้ข้าพเจ้าหาบสาแหรกคาน สำหรับรับแกงจากชาวบ้านเดินตามหลังท่านไปบิณฑบาตไกลถึงตำบลบ่อพลับทุกวัน ได้กินอาหารหลังจากท่าน จึงทำให้ไปโรงเรียนสายเกือบทุกวัน
ปีพ.ศ.๒๔๘๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๓ นี้ ฝนแล้งติดต่อกันถึง ๓ ปี ทำให้ทำนาไม่ได้เลย ชาวบ้านวัดตาก้อง จึงพากันอดอยากยากจนมาก ครอบครัวของข้าพเจ้าก็ทำนาไม่ได้ข้าวเลย ๓ ปี ทำให้อดอยากมากขนาดที่ชาวบ้านวัดตาก้องต้องหุงข้าวปนเผือก ปนมัน ปนขุยไผ่ หรือต้มข้าวต้มกินพอประทังอดอยาก เรียกว่าอดอยากปากแห้งกันทั้งตำบล ในพ.ศ.๒๔๘๑- ๒๔๘๓ รวม ๓ ปี เร่ร่อนไปอาศัยบ้านและวัด ๕ แห่ง
(โปรดติดตามตอนต่อไป) |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น