วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

(ชีวประวัติ) "ทรายเม็ดหนึ่ง" ตอน...ชีวิตเด็กวัดตาก้อง


ชีวิตเด็กวัดตาก้อง


พ.ศ. ๒๔๗๗  ถึง พ.ศ. ๒๔๗๙  เป็นชีวิตเด็กวัด อาศัยพระ อาศัยข้าวสุกก้นบาตรพระกิน  อาหารก็กินจากที่พระฉันแล้ว  
อาหารมื้อเย็นคือข้าวเย็นและกับข้าวที่เก็บไว้จากอาหารเช้า  อาหารกลางวันของพระ  บางมื้ออาหารบูดข้าวบูด  ก็เอามาล้างน้ำกินแก้หิว  มันเป็นธรรมดา ไม่เห็นว่าจะผิดแปลกเลวทรามอะไร  เด็กวัดก็อยู่กันมาอย่างนี้
ตกกลางคืนก็นอนในกุฏิพระที่ห้องที่ว่าง นอนกับพื้นกระดาน ไม่มีเสื่อ ไม่มีผ้าห่มนอน ไม่มีมุ้งกางนอน ดูเหมือนไม่มีหมอนหนุนหัว  
ตื่นเช้าล้างหน้า บ้วนปาก  ไม่ได้แปรงฟัน เพราะไม่มีแปรงสีฟัน  ไม่มียาสีฟัน เรายังไม่รู้จักไม่เคยใช้กันเลย

คืนหนึ่งนอนฝันประหลาด ฝันว่าพ่อมาเยี่ยมที่วัด  ที่จริงพ่อแม่เอาสำรับกับข้าวมาถวายพระเสมอๆ เกือบทุกวัน  ก็เหมือนเอาอาหารมาส่งลูกชายด้วยนั่นแหละ  แต่คืนหนึ่งฝันว่าพ่อมาเยี่ยมที่วัดกับแม่ พ่อมานั่งอยู่ตรงหน้า นั่งร้องไห้น้ำตาไหล แล้วถามว่า
"พ่อตีเจ็บไหม"
"เจ็บ"
"พ่อขอโทษลูกด้วยนะ พ่อไม่อยากเฆี่ยนตีลูกหรอก เพราะพ่อเจ็บมากกว่าลูก  พ่อเฆี่ยนลูก แต่พ่อก็เจ็บด้วย  พ่อเฆี่ยนลูกเพราะพ่อกลัวลูกจะเหมือนพ่อ  ลูกรู้ไหมว่า พ่อไม่ได้เป็นเด็กวัด ไม่ได้เรียนหนังสือเลย  ชีวิตพ่อจึงตกต่ำยากจน  พ่อไม่อยากให้ลูกเหมือนพ่อ พ่ออยากให้ลูกเรียนหนังสือ ลูกจะได้มีชีวิตรุ่งเรืองกว่าพ่อ"
พ่อพูดไปก็ร้องไห้ไป
ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ตามพ่อไปด้วย  แล้วก็ตื่นขึ้นมา ยังสะอึกสะอื้นอยู่   รู้สึกว่าเป็นความฝันที่แปลกประหลาด ไม่รู้ว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้าย  แล้วพ่อก็บอกว่า
"วงศ์สกุลของเรา ไม่ใช่วงศ์ไพร่ เป็นวงศ์ตระกูลเจ้านาย   ลูกมีเลือดผู้ดีมีสกุลสูง"

คำพูดของพ่อยังดังแว่วอยู่ในหู  เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เข้าใจคำพูดของพ่อว่าหมายความว่าอะไร  นึกว่ามันเป็นความฝัน  แต่เป็นความฝันที่แจ่มใส ชัดแจ้งมากกว่าธรรมดา จึงจำได้ไม่ลืมเลยมาจนทุกวันนี้  
มันยังอยู่ในจิตสำนึกว่า เราจะต้องเป็นคนดี ไม่ทำบาปทำชั่ว ไม่พูดคำหยาบ ไม่ประพฤติเกะกะเกเร ไม่พูดจาโกหกใคร ไม่ลักขโมยของใคร 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น