เป็นเสมียนสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
นับตั้งแต่ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงมีตำแหน่งเป็นเสมียนทำงานอยู่ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ต้องขี่จักรยานจากบ้านตาก้อง เข้าไปทำงานในเมืองทุกวันระยะทาง ๘ ก.ม.
ในที่สุดจึงได้ซื้อห้องแถวอยู่ที่ถนนทหารบก ที่นายเพ่งเล้ง แก้วพิจิตร สร้างเซ้งในราคา ๓,๐๐๐ บาท แล้วก็อพยพครอบครัวมีพ่อแม่ พี่สาว น้องสาว เข้าไปอยู่ในเมือง ต่อมาแม่ก็ขายบ้านขายที่ดิน ๗ ไร่ ให้แก่หลาน ชื่อ นายกิ่ง ใจดีในราคา ๑๐,๐๐๐ บาท สมัยนั้น
แต่การที่โอนมาเป็นเสมียน ทำให้พ้นจากหน้าที่ครู ซึ่งได้รับการผ่อนผันไม่ต้องถูกเกณฑ์เป็นทหาร ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๙ จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นเวลา ๖ ปี
วันหนึ่งก็ได้รับหมายศาลจังหวัดว่า บัดนี้ ร.ต.เทพ ทัศนาพลพินิจ สัสดีอำเภอเมืองนครปฐม ได้ยื่นฟ้องศาลว่า ออกจากครูแล้วไม่คืนใบผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร มีความผิดในคดีอาญาต้องไปศาล โดยที่สัสดีไม่ได้บอกให้รู้เลยว่าต้องคืนใบผ่อนผันเกณฑ์ทหาร เพื่อนชื่อนายพยุง ชุ่มบุญชู จึงต้องยื่นประกันตัวระหว่างต้องคดีอาญา
ในทีสุดศาลก็มีคำสั่งเรียกตัวไปฟังคำพิพากษา ท่านหัวหน้าศาล จำชื่อท่านไม่ได้ ได้ออกนั่งบัลลังก์เอง ต้องไปยืนฟังคำพิพากษาเป็นครั้งแรกในชีวิต พ่อก็ไปเป็นเพื่่อนด้วย หัวหน้าศาลได้พิพากษาโทษว่า
มีความผิดฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ท่านถามว่ามีคำแก้ตัวว่าอย่างไร
ตอบท่านว่า ไม่ทราบว่าไม่คืนใบผ่อนผันเกณฑ์ทหารจะมีความผิดในคดีอาญา ได้รับผ่อนผันมานานถึง ๖ ปีแล้ว จนลืมว่ากำลังได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเกณฑ์ทหาร จึงไม่ได้คืนใบผ่อนผัน ไม่มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร หัวหน้าศาลนั่งอยู่สักครูหนึ่ง เขียนคำพิพากษาแล้วอ่านว่า
"จำเลยมีความผิดคดีอาญา ให้พิพากษาโทษปรับเป็นเงิน ๕๐ บาท ฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีเจตนา จึงสมควรได้รับความกรุณาให้ลงโทษแต่เพียงสถานเบา"
พ่อลุกขึ้นควักเงิน ๕๐ บาท ส่งให้จ่าศาลทันที
นายเทพ โค้งคำนับหัวหน้าศาลโดยความนอบน้อมขอบพระคุณที่ศาลกรุณา ตัดสินเพียงให้ปรับ ถ้าหากลงโทษจำคุกเพียง ๑ เดือน ก็จะต้องออกจากราชการ จึงต้องบันทึกไว้ว่า เคยต้องคำพิพากษาศาลให้ปรับ ๕๐ บาท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ชีวิตน้อยๆ นี้ผ่านมาทุกรสชาติ แต่มีผู้ช่วยไว้ได้ในนาทีสุดท้าย เหมือนมีเทพเจ้าได้คอยอภิบาลคุ้มครองอยู่ตลอดมา ข้าพเจ้าจึงเชื่อมันว่ามีเทวดารักษา มีเทพเจ้าคุ้มครอง ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องเทวดาอย่างบริสุทธิ์ใจ
(โปรดติดตามต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น